145 ตั้งชื่อลูก ตามชื่อเมืองนานาชาติ ตั้งได้ทั้งลูกสาวลูกชาย จำง่าย

  • กรุงโตเกียว (ลูกชาย)
  • โซเฟีย (ลูกสาว)
  • ลอนดอน (ลูกชาย)
  • ปารีส (ลูกสาว)
  • เบอร์ลิน (ลูกชาย)
  • ออสโล (ลูกสาว)
  • เดนมาร์ก (ลูกชาย)
  • วาติกัน (ลูกสาว)
  • มอสโก (ลูกชาย)
  • ปราก (ลูกสาว)
  • วอร์ซอ (ลูกชาย)
  • บรัสเซลส์ (ลูกสาว)
  • อัมสเตอร์ดัม (ลูกชาย)
  • เฮก (ลูกสาว)
  • โคเปนเฮเกน (ลูกชาย)## 145 ตั้งชื่อลูก ตามชื่อเมืองนานาชาติ ตั้งได้ทั้งลูกสาวลูกชาย จำง่าย

บทคัดย่อ

การตั้งชื่อลูกเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ทุกคู่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ชื่อที่ไพเราะและมีความหมายดีจะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ช่วยสร้างเสริมบุคลิกภาพ และบ่งบอกถึงความรักและความปรารถนาดีของพ่อแม่ บทความนี้ได้รวบรวมรายชื่อเมืองนานาชาติทั้ง 145 ชื่อที่สามารถนำมาตั้งเป็นชื่อลูกได้ทั้งชายและหญิง พร้อมคำอธิบายความหมายและความเป็นมาของแต่ละชื่อ เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ในการตั้งชื่อลูกน้อยให้ได้ชื่อที่ไพเราะและมีความหมายดี

บทนำ

การตั้งชื่อลูกถือเป็นภารกิจสำคัญของพ่อแม่ทุกคู่ ชื่อที่ไพเราะและมีความหมายดีย่อมส่งผลดีต่อตัวลูกในอนาคต ทั้งในด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจในตนเอง และความสำเร็จในชีวิต ชื่อเมืองนานาชาติเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการตั้งชื่อลูกให้มีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร และมีความหมายที่ดี เพราะชื่อเมืองเหล่านี้มักมีความหมายที่ลึกซึ้งและมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน

คำถามที่พบบ่อย

1. การตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองนานาชาติมีข้อดีอย่างไร

  • มีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร
  • มีความหมายที่ลึกซึ้งและมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
  • ช่วยสร้างเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเองให้กับลูก
  • เป็นการแสดงถึงความรักและความปรารถนาดีของพ่อแม่ที่มีต่อลูก

2. ควรพิจารณาอะไรในการตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองนานาชาติ

  • ความหมายของชื่อเมือง
  • ความไพเราะของชื่อเมื่อออกเสียง
  • ความเหมาะสมกับเพศของลูก
  • ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของชื่อเมือง

3. มีชื่อเมืองนานาชาติใดที่เหมาะสำหรับตั้งเป็นชื่อลูกชาย

  • ลอนดอน (อังกฤษ)
  • ปารีส (ฝรั่งเศส)
  • โรม (อิตาลี)
  • โตเกียว (ญี่ปุ่น)
  • นิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา)

ชื่อเมืองนานาชาติสำหรับตั้งชื่อลูก

ชื่อเมืองที่แปลว่า “ความแข็งแกร่ง”

  • อาธีนา (Athens) เมืองหลวงของกรีซ มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณที่แปลว่า “ความแข็งแกร่ง”
  • เบอร์ลิน (Berlin) เมืองหลวงของเยอรมนี มีรากศัพท์มาจากภาษาสลาฟที่แปลว่า “ที่ลุ่มที่มีหมี”
  • ดามัสกัส (Damascus) เมืองหลวงของซีเรีย มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่แปลว่า “เมืองแห่งน้ำ”
  • มาดริด (Madrid) เมืองหลวงของสเปน มีรากศัพท์มาจากภาษาอาหรับที่แปลว่า “เมืองแห่งน้ำ”
  • มอสโก (Moscow) เมืองหลวงของรัสเซีย มีรากศัพท์มาจากภาษาสลาฟที่แปลว่า “เมืองที่ถูกปกคลุมด้วยมอส”

ชื่อเมืองที่แปลว่า “ความงาม”

  • เบลเกรด (Belgrade) เมืองหลวงของเซอร์เบีย มีรากศัพท์มาจากภาษาสลาฟที่แปลว่า “เมืองสีขาว”
  • บูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของฮังการี มีรากศัพท์มาจากภาษาฮังการีที่แปลว่า “น้ำพุร้อน”
  • เจนีวา (Geneva) เมืองในสวิตเซอร์แลนด์ มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “ปากแม่น้ำ”
  • ปรา​ก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก มีรากศัพท์มาจากภาษาสลาฟที่แปลว่า “ธรณีประตู”
  • สตอกโฮล์ม (Stockholm) เมืองหลวงของสวีเดน มีรากศัพท์มาจากภาษาสวีเดนที่แปลว่า “เกาะแห่งท่อนซุง”

ชื่อเมืองที่แปลว่า “ความเจริญรุ่งเรือง”

  • เจนีวา (Geneva) เมืองในสวิตเซอร์แลนด์ มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “ปากแม่น้ำ”
  • เยรูซาเล็ม (Jerusalem) เมืองศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนอิสราเอล มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่แปลว่า “เมืองแห่งสันติภาพ”
  • ปารีส (Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “เมืองของชาวชนบท”
  • โตเกียว (Tokyo) เมืองหลวงของญี่ปุ่น มีรากศัพท์มาจากภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “เมืองหลวงตะวันออก”
  • นิวยอร์ก (New York) เมืองในสหรัฐอเมริกา มีรากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า “เมืองใหม่”

ชื่อเมืองที่แปลว่า “ความหวัง”

  • โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของเดนมาร์ก มีรากศัพท์มาจากภาษาเดนมาร์กที่แปลว่า “ท่าเรือของพ่อค้า”
  • เจนีวา (Geneva) เมืองในสวิตเซอร์แลนด์ มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “ปากแม่น้ำ”
  • กรุงเทพฯ (Bangkok) เมืองหลวงของประเทศไทย มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยที่แปลว่า “ที่นาแห่งเทพ”
  • ซิดนีย์ (Sydney) เมืองใหญ่ในออสเตรเลีย มีรากศัพท์มาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ทุ่งหญ้า”
  • ปารีส (Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “เมืองของชาวชนบท”

ชื่อเมืองที่แปลว่า “ความรัก”

  • โรม (Rome) เมืองหลวงของอิตาลี มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า “เมืองแห่งความรัก”
  • เวนิส (Venice) เมืองในอิตาลี มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า “เมืองแห่งความรัก”
  • เวโรนา (Verona) เมืองในอิตาลี มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า “เมืองแห่งความรัก”
  • ปารีส (Paris) เมืองหลวงของฝรั่งเศส มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติกที่แปลว่า “เมืองของชาวชนบท”
  • บูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของฮังการี มีรากศัพท์มาจากภาษาฮังการีที่แปลว่า “น้ำพุร้อน”

สรุป

การตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองนานาชาติเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการตั้งชื่อลูกให้มีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร และมีความหมายที่ดี ชื่อเมืองเหล่านี้มีความหมายที่ลึกซึ้งและมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงช่วยสร้างเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเองให้กับลูกในอนาคต ทั้งนี้ พ่อแม่ควรพิจารณาความหมายของชื่อ ความไพเราะของชื่อ ความเหมาะสมกับเพศของลูก และความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของชื่อเมืองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจตั้งชื่อให้กับลูก

คำหลัก

  • ตั้งชื่อลูก
  • ชื่อเมืองนานาชาติ
  • ความหมายชื่อเมือง
  • ความแปลกใหม่
  • บุคลิกภาพ

7 thoughts on “145 ตั้งชื่อลูก ตามชื่อเมืองนานาชาติ ตั้งได้ทั้งลูกสาวลูกชาย จำง่าย

  1. ท้องฟ้า says:

    ตั้งชื่อลูกว่า Tokyo หรือ Kyoto ได้มั้ยคะ ฟังดูน่ารักดีจัง

  2. ฟ้าใหม่ says:

    การตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองนานาชาติเป็นวิธีที่นิยมในปัจจุบัน เพราะทำให้ลูกมีชื่อที่โดดเด่นและน่าจดจำ

  3. สายน้ำ says:

    ตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองที่มีความหมายดีๆ สิ เช่น Florence หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง

  4. ใจดี says:

    ทำไมต้องตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองด้วยล่ะ ตั้งชื่อตามชื่อดอกไม้หรือสัตว์ไม่ดีกว่าเหรอ

  5. คนดี says:

    ตั้งชื่อลูกตามชื่อเมืองนานาชาติ มันดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

Comments are closed.