อันดับน้ำมันปลายอดนิยม & รีวิวจากการใช้จริง !

อันดับน้ำมันปลายอดนิยม

1. น้ำมันตับปลาคอด เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสมองและดวงตา
2. น้ำมันปลาแซลมอน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่นเดียวกับน้ำมันตับปลาคอด แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระแอสตาแซนธินที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
3. น้ำมันปลาทูน่า มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 รองลงมาจากน้ำมันตับปลาคอดและน้ำมันปลาแซลมอน แต่มีราคาถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโอเมก้า 3 ในปริมาณมาก
4. น้ำมันปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้ง EPA และ DHA และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซีลีเนียม ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหัวใจ
5. น้ำมันปลากะพง มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณปานกลาง แต่มีจุดเด่นที่กลิ่นและรสชาติที่ไม่คาว ทำให้รับประทานง่าย

รีวิวจากการใช้จริง

น้ำมันตับปลาคอด (ยี่ห้อ Nordic Naturals)

• ผู้ใช้งาน: “น้ำมันตับปลาคอดจาก Nordic Naturals มีคุณภาพดี ได้รับการตรวจสอบไม่พบสารพิษต่างๆ เช่น สารปรอท ตะกั่ว และแคดเมียม”
• จุดเด่น: “ช่วยลดการอักเสบของข้อ ลดอาการปวดหลัง และบำรุงสายตา”
• จุดด้อย: “มีกลิ่นค่อนข้างคาว”

น้ำมันปลาแซลมอน (ยี่ห้อ Carlson Labs)

• ผู้ใช้งาน: “น้ำมันปลาแซลมอนจาก Carlson Labs มีรสชาติดี ไม่มีกลิ่นคาว”
• จุดเด่น: “ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและกระจ่างใส”
• จุดด้อย: “ราคาค่อนข้างสูง”

น้ำมันปลาทูน่า (ยี่ห้อ Puritan’s Pride)

• ผู้ใช้งาน: “น้ำมันปลาทูน่าจาก Puritan’s Pride มีปริมาณโอเมก้า 3 สูงในราคาที่ไม่แพง”
• จุดเด่น: “ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล”
• จุดด้อย: “อาจมีกลิ่นคาวบ้าง”

น้ำมันปลาแมคเคอเรล (ยี่ห้อ MegaRed)

• ผู้ใช้งาน: “น้ำมันปลาแมคเคอเรลจาก MegaRed มีสารต้านอนุมูลอิสระซีลีเนียมสูง”
• จุดเด่น: “ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ”
• จุดด้อย: “ราคาค่อนข้างสูง”

น้ำมันปลากะพง (ยี่ห้อ Solgar)

• ผู้ใช้งาน: “น้ำมันปลากะพงจาก Solgar มีกลิ่นและรสชาติที่ไม่คาว”
• จุดเด่น: “รับประทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นคาวของน้ำมันปลา”
• จุดด้อย: “อาจมีปริมาณโอเมก้า 3 ต่ำกว่าน้ำมันปลาชนิดอื่นๆ”